นักคิดเชิงสร้างสรรค์พึ่งพา Generative AI มากขึ้นเมื่อภาระงานเพิ่มสูงขึ้น
รายงานล่าสุดเผยคนทำงานในสหรัฐฯ เผชิญปัญหางานล้น ปริมาณงานเพิ่มขึ้น 31% ในปีที่ผ่านมา หลายคนหันมาใช้ AI ช่วยงาน คาดว่าจะประหยัดเวลาได้ 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่องค์กรส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมรับมือกับการใช้ AI ของพนักงาน
Key takeaway
- ปริมาณงานของพนักงานในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยีและการเงิน ส่งผลให้เกิดการสูญเสียเวลาและทรัพยากรในการทำงานที่ไม่จำเป็น
- พนักงานจำนวนมากหันมาใช้เครื่องมือ AI เช่น ChatGPT, Gemini เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่องค์กรส่วนใหญ่ยังไม่มีนโยบายหรือแนวทางการใช้ AI ที่ชัดเจน
- ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้องค์กรกำหนดนโยบายและจัดการฝึกอบรมด้านการใช้ AI อย่างมีจริยธรรมและรับผิดชอบ เพื่อให้พนักงานได้ประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีนี้
ข่าวไอที: รายงานเผยคนอเมริกันเผชิญความท้าทายในการทำงาน พร้อมมองหา AI เป็นทางออก
รายงานล่าสุดจาก Wrike เปิดเผยว่าคนทำงานในสหรัฐฯ กำลังเผชิญปัญหาในที่ทำงาน โดยพนักงานระบุว่าปริมาณงานเพิ่มขึ้น 31% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ผู้บริหารประเมินว่าปริมาณงานของแผนกหรือทีมเพิ่มขึ้นถึง 46%
พนักงานในภาคเทคโนโลยีและการเงินที่เผชิญกับการเลิกจ้างเป็นระลอก ต้องแบกรับภาระงานของตนเองและงานเพิ่มเติมจากเพื่อนร่วมงานที่ถูกเลิกจ้างไป
รายงานยังพบว่าคนทำงานในสหรัฐฯ ใช้เวลาเฉลี่ย 40.8 ชั่วโมงต่อปีในการทำงานชดเชยเวลาที่สูญเสียไป ขณะที่บริษัทรายงานว่าเกือบ 1.5 วันต่อสัปดาห์ถูกใช้ไปกับงานที่ไม่จำเป็น ส่งผลให้สูญเสียเงิน 15,138.03 ดอลลาร์ต่อพนักงานหนึ่งคนต่อปี
ทางออกสำหรับคนทำงานจำนวนมากคือการนำเครื่องมือ AI มาใช้ เกิดเป็นปรากฏการณ์ BYOAI (Bring Your Own AI) โดยพนักงานนำเครื่องมือช่วยเหลืออย่าง Gemini, Claude, Co-Pilot หรือ ChatGPT มาใช้ในการค้นคว้า เขียนโครงร่างเอกสาร สรุปรายงานการประชุม หรือแม้แต่เขียนอีเมล
รายงานจาก Thomson Reuters ระบุว่าคนทำงานด้านความรู้คาดหวังว่า AI จะช่วยประหยัดเวลาได้ 4 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ซึ่งเทียบเท่ากับการเพิ่มพนักงาน 1 คนต่อทุก 10 คน และคาดว่าจะประหยัดเวลาได้ถึง 12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ภายในสิ้นทศวรรษนี้
อย่างไรก็ตาม องค์กรส่วนใหญ่ยังไม่พร้อมรับมือกับการใช้ AI ของพนักงาน โดยรายงานจาก Asana พบว่ามีเพียง 31% ของบริษัทที่มีกลยุทธ์ AI อย่างเป็นทางการ และมีเพียง 13% ที่มีแนวทางการใช้ AI ร่วมกัน ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างผู้บริหารและพนักงานในเรื่องความกระตือรือร้น การนำไปใช้ และประโยชน์ที่คาดหวังจาก AI
ด้วยเหตุนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Samsung, Verizon, Citigroup และ Deutsche Bank จึงห้ามใช้เครื่องมือ generative AI เนื่องจากกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูล ล่าสุด Elon Musk ถึงขั้นขู่ว่าจะห้ามใช้อุปกรณ์ Apple ในบริษัทของเขาหาก Apple ติดตั้ง ChatGPT ลงบน iPhone
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าองค์กรควรมีนโยบายและแนวทางการใช้ AI ที่ชัดเจน พร้อมทั้งจัดการฝึกอบรมด้านจริยธรรมและการใช้งานอย่างรับผิดชอบ เพื่อให้พนักงานได้ประโยชน์สูงสุดจากเครื่องมือเหล่านี้ ในขณะที่สำหรับคนทำงาน การนำ AI มาใช้อาจเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้งานเสร็จทันเวลาและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
Why it matters
💡 ผู้อ่านควรติดตามข่าวนี้เพราะเป็นการเปิดเผยสถานการณ์ล่าสุดในโลกการทำงานที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของปริมาณงานและการนำ AI มาใช้เป็นทางออก ข่าวนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความท้าทายที่คนทำงานกำลังเผชิญ และแนวโน้มการใช้ AI ในที่ทำงาน ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานและอนาคตของตลาดแรงงาน ความรู้นี้จะช่วยให้ผู้อ่านเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น