Meta เปิดตัว AI แชทบอทเสียง ท้าชน ChatGPT
Meta เปิดตัว MetaAI Voice แชทบอทเสียงรายใหม่ ท้าชน ChatGPT และ Google ด้วยความสามารถโต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติ เข้าใจคำถามซับซ้อน และใช้เสียงคนดัง เน้นการใช้งานกับอุปกรณ์สวมใส่ หวังใช้ฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่แย่งชิงส่วนแบ่งตลาด AI แชทบอท
Key takeaway
- Meta เปิดตัว MetaAI Voice แชทบอทเสียงรายใหม่ เพื่อแข่งขันกับ ChatGPT Voice และ Google Gemini Voice โดยมีจุดเด่นคือสามารถโต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติและเข้าใจคำถามซับซ้อนได้
- MetaAI Voice ใช้เสียงของคนดังแทนเสียงที่สร้างขึ้น และมีศักยภาพในการเข้าถึงผู้ใช้กว่า 3 พันล้านคนทั่วโลกที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Meta
- การเปิดตัวครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาด AI แชทบอท โดย Meta หวังจะใช้ประโยชน์จากฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด
Meta บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ล่าสุดได้เข้าร่วมวงการ AI แชทบอทที่ใช้เสียงในการโต้ตอบ ตามหลัง OpenAI เจ้าของ ChatGPT Voice และ Google กับ Gemini Voice รวมถึง Alexa ของ Amazon และ Siri ของ Apple ที่มีมานานแล้ว
MetaAI Voice ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม AI สนทนา (Conversational AI) อย่างชัดเจน เนื่องจาก Meta ต้องการวิธีที่ดีกว่าสำหรับผู้ใช้ในการสั่งงานอุปกรณ์สวมใส่อย่างแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban และแว่น VR รุ่น Quest รวมถึงอุปกรณ์ทั่วไปที่ไม่มีหน้าจอสัมผัสหรือคีย์บอร์ด
จุดเด่นของ MetaAI Voice คือสามารถโต้ตอบด้วยภาษาธรรมชาติเหมือนคุยกับคน และเข้าใจคำถามที่ซับซ้อนได้ ในการสาธิตที่งาน Meta Connect มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถนี้ โดยชูผลอะโวคาโดให้แว่นตา Meta Ray-Ban เห็น แล้วถามว่า "ฉันทำอะไรกับสิ่งนี้ได้บ้าง?" โดยไม่ต้องระบุว่า "สิ่งนี้" คืออะไร
นอกจากนี้ Meta ยังใช้เสียงของคนดังมาเป็นเสียงของ AI แทนที่จะใช้เสียงที่สร้างขึ้นเหมือนคู่แข่งรายอื่น โดยในช่วงแรกผู้ใช้จะสามารถสนทนากับ AI ที่มีเสียงเหมือน Dame Judi Dench, John Cena, Kristen Bell และอื่นๆ
แม้คุณภาพเสียงอาจยังไม่เทียบเท่า Gemini หรือ ChatGPT Voice แต่ MetaAI Voice ก็มีข้อได้เปรียบคือสามารถเข้าถึงผู้ใช้กว่า 3 พันล้านคนทั่วโลกที่ใช้ผลิตภัณฑ์ของ Meta อย่างน้อยหนึ่งอย่างทุกวัน โดย MetaAI มีผู้ใช้งานประจำเดือนมากกว่า 400 ล้านคนแล้ว แม้จะเปิดให้บริการเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น
ปัจจุบัน MetaAI ใช้โมเดล Llama 3.2 90b เป็น "สมอง" ซึ่งเป็นโมเดล multimodal ใหม่ที่สามารถวิเคราะห์ทั้งภาพและข้อความ คาดว่าในอนาคตจะสามารถทำงานกับเสียง เอกสาร และวิดีโอได้มากขึ้น
ศักยภาพที่แท้จริงของ MetaAI Voice จะเห็นได้ชัดเจนเมื่อใช้งานกับอุปกรณ์สวมใส่อย่างแว่นตาอัจฉริยะ Ray-Ban หรือ Quest headset ที่สามารถมองเห็นโลกเหมือนที่ผู้ใช้เห็น และอนุญาตให้สนทนากับ AI เกี่ยวกับสิ่งที่เห็นได้แบบเรียลไทม์
การเปิดตัว MetaAI Voice ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงการแข่งขันที่เข้มข้นในตลาด AI แชทบอท โดย Meta หวังว่าจะสามารถใช้ประโยชน์จากฐานผู้ใช้ขนาดใหญ่ของตนเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดจากคู่แข่งรายอื่นได้
Why it matters
ข้อมูลอ้างอิงจาก https://www.tomsguide.com/ai/metaai-voice-is-the-latest-voice-assistant-to-launch-heres-how-it-stacks-up